สวัสดี! เราสามารถช่วยได้อย่างไร?
การตอบคำถามที่พบบ่อย
(FAQs)
รวบรวมคำถามที่ถูกถามเป็นประจำ
Website หรือเว็บไซต์คือช่องทางการสื่อสารและแสดงผลข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต เป็นการรวมเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ข้อมูลสินค้า บริการ ข่าวสาร บทความ ภาพถ่าย วิดีโอ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาเยี่ยมชม ศึกษา หรือซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทางเว็บไซต์ได้ ซึ่ง website สามารถออกแบบและพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ
ตั้งแต่เว็บไซต์แบบStatic(คงที่) ซึ่งมีเนื้อหาคงที่จนถึงเว็บไซต์แบบDynamic(ไดนามิก)ที่มีการอัพเดตเนื้อหาอยู่ตลอดเวลา และสามารถแสดงผลได้แบบตอบสนองกับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้น ๆ ได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น
Facebook, YouTube, Lazada หรือ Shopee ที่เป็นเว็บไซต์ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ,
เว็บไซต์ของร้านอาหาร ที่จะมีหน้าเว็บหลายๆ หน้า เช่น หน้าหลัก หน้าเมนูอาหาร หน้าติดต่อเรา หรือหน้าสมัครสมาชิก เป็นต้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเข้าถึงหน้าเว็บต่างๆ ได้ตามต้องการ เช่น เมื่อผู้ใช้งานเข้าสู่หน้าเมนูอาหาร จะสามารถดูรายละเอียดเมนูอาหารแต่ละรายการได้ หรือเมื่อเข้าสู่หน้าติดต่อเรา ผู้ใช้งานสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับทางร้านอาหารได้
ควรวางแผน, ศึกษาเทคโนโลยี, เลือกโปรแกรมสร้างเว็บไซต์, ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์, ทดสอบและปรับปรุง, โฮสต์และเผยแพร่
หากลูกค้าต้องการมีเว็บไซต์ ควรรู้อะไรบ้างก่อนเริ่มต้นการสร้างเว็บไซต์ สิ่งที่ลูกค้าควรรู้ดังนี้:
1.วัตถุประสงค์และเป้าหมายของเว็บไซต์: ลูกค้าควรระบุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์สามารถตอบสนองความต้องการได้ถูกต้อง
2.กำหนดงบประมาณ: ลูกค้าควรกำหนดงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการสร้างเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถเสนอราคาที่เหมาะสมได้
3.เลือกโดเมนเนม: ลูกค้าต้องเลือกชื่อโดเมนเนมที่เหมาะสมกับกิจกรรมหรือธุรกิจของลูกค้า และตรวจสอบความพร้อมของโดเมนเนม
4.รูปแบบการออกแบบ: ลูกค้าควรระบุรูปแบบการออกแบบเว็บไซต์ที่ต้องการ เช่น สไตล์, สี, และโลโก้ เพื่อให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์สามารถออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงตามความต้องการ
5.ส่วนของเนื้อหา: ลูกค้าควรมีเนื้อหาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สำหรับผู้เยี่ยมชม เพื่อให้เว็บไซต์นั้นมีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้เยี่ยมชม
6.การตลาดออนไลน์: ลูกค้าควรพิจารณาถึงการตลาดออนไลน์เป็นส่วนสำคัญของการทำเว็บไซต์ เพราะเว็บไซต์ไม่เพียงแค่เป็นสื่อในการแสดงผลสินค้าและบริการ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการตลาดและเพิ่มยอดขายอีกด้วย
7.การเลือกผู้พัฒนา: ลูกค้าควรเลือกผู้พัฒนาที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างเว็บไซต์ และมีความน่าเชื่อถือในการทำงาน
8.การจัดการเนื้อหา: ลูกค้าต้องจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์เป็นประโยชน์ต่อผู้เยี่ยมชมและช่วยส่งเสริมการตลาด
9.การตรวจสอบความปลอดภัย: ลูกค้าควรตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์และต้องรักษาความปลอดภัยในขณะที่เว็บไซต์ถูกใช้งาน
10.การประเมินผล: ลูกค้าควรตรวจสอบผลลัพธ์ของการสร้างเว็บไซต์เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน
บริการโฮสต์เว็บไซต์แบบ cloud hosting หรือ VPS hosting จะเหมาะสมกับเว็บไซต์ที่มีปริมาณการเข้าชมสูง ส่วนบริการ shared hosting จะเหมาะสมกับเว็บไซต์ที่มีปริมาณการเข้าชมต่ำ
ใช้ SSL certificate เพื่อเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างเว็บไซต์และผู้ใช้งาน, สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง, ปรับปรุงและอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ, และใช้เครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์
Responsive Design คือการออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถปรับขนาดเพื่อเข้ากับหน้าจอของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สำหรับเว็บไซต์ที่เหมาะสมสำหรับมือถือควรมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว การใช้งานง่ายและการแสดงผลเนื้อหาที่เหมาะสมกับขนาดของหน้าจอ
วางแผนการใช้งานคำสำคัญ, สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน, ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีความเข้ากับ SEO, และสร้าง backlinks จากเว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้อง
ควรใช้วิธีการ SEO อย่างเหมาะสมเช่นการค้นหาคำสำคัญที่เหมาะสม, สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ, สร้าง backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ, สร้าง backlink จากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้อง, และปรับปรุงโค้ดของเว็บไซต์ให้เข้ากับการทำ SEO อย่างเหมาะสม
ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งานของซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน โดย UI มุ่งเน้นการออกแบบที่สวยงามและใช้งานได้ง่าย โดยมีส่วนประกอบต่างๆ เช่น ปุ่ม, รูปภาพ, แท็บ, สี, ตัวหนังสือ, และสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น
User Experience (UX) หมายถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งาน เนื่องจาก UX มุ่งเน้นการออกแบบที่เหมาะสมกับความต้องการและความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน โดยมีการพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เช่น การใช้งานที่เข้าใจง่าย, การจัดวางส่วนต่างๆ ที่เหมาะสม, ความเร็วในการตอบสนอง, ความสมดุลของการออกแบบ และประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน
ควรรักษาและดูแลเว็บไซต์โดยการอัพเดทซอฟต์แวร์, ป้องกันการโจมตีด้วยการตั้งค่าระบบป้องกัน, ทำความสะอาดฐานข้อมูล, ปรับปรุงโค้ด, สำรองข้อมูล, และใช้บริการโฮสต์ที่มีคุณภาพและเสถียรสูง
เว็บไซต์ (Website) เป็นหน้าเว็บที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วย HTML, CSS, และ JavaScript เพื่อแสดงผลข้อมูลในรูปแบบของหน้าเว็บ โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเบราว์เซอร์ เว็บไซต์สามารถใช้เพื่อสื่อสารข้อมูล, การขายสินค้าและบริการ, การแสดงผลงาน และอื่นๆ ตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์นั้นๆ
ในขณะที่ เว็บโซเชียลมีเดีย (Social Media) เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันเนื้อหาต่างๆ ได้ โดยผู้ใช้งานสามารถสร้างโพสต์, อัพโหลดภาพหรือวิดีโอ, แชร์ข่าวสาร, แลกเปลี่ยนข้อความกับเพื่อน และเข้าร่วมกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เว็บโซเชียลมีเดียมีการให้บริการทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน โดยมีแพลตฟอร์มที่มีคนใช้งานมากเช่น Facebook, Instagram, Twitter, และ TikTok
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเว็บไซต์และเว็บโซเชียลมีเดียจะมีความสัมพันธ์กันบ้าง แต่มีลักษณะการใช้งานและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
การมีเว็บไซต์มีประโยชน์หลายด้านเพื่อให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถเติบโตและเจริญก้าวไปได้ ดังนี้
1.เป็นเครื่องมือสื่อสารกับลูกค้า: เว็บไซต์ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ตลอดเวลา โดยลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าและบริการของธุรกิจได้ในทุกเวลาและทุกที่
2.เพิ่มความน่าเชื่อถือ: เว็บไซต์ที่มีการออกแบบและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอและมีคุณภาพสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพให้กับธุรกิจ
3.เป็นเครื่องมือการโฆษณา: เว็บไซต์สามารถใช้เป็นช่องทางการโฆษณาและการตลาดได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
4.เพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกิจ: เว็บไซต์ช่วยลดการต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อเจรจาการทำธุรกิจ และสามารถให้บริการในทุกภาคส่วนของโลกได้
5.ช่วยเพิ่มยอดขาย: เว็บไซต์ที่มีการออกแบบให้ดีและมีประสิทธิภาพสามารถช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการได้โดยตรง
6.เป็นเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างตัวตนและยอดนิยม: เว็บไซต์ช่วยสร้างตัวตนและยอดนิยมของธุรกิจหรือบุคคล ซึ่งทำให้ผู้คนรู้จักและติดตามกิจกรรมหรือสินค้าของธุรกิจได้ง่ายขึ้น
7.เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล: เว็บไซต์ที่มีการพัฒนาและออกแบบให้เหมาะสมสามารถใช้เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ต่างๆ เช่น บทความ, วิดีโอ หรือแบบสอบถาม
8.เป็นเครื่องมือสำหรับการศึกษาและเรียนรู้: เว็บไซต์สามารถใช้เป็นช่องทางในการศึกษาและเรียนรู้ต่างๆ ได้ เช่น การสอนออนไลน์, คอร์สอบรมออนไลน์, หรือแหล่งเรียนรู้ออนไลน์อื่นๆ
9.ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ: เว็บไซต์ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เช่น ลดค่าใช้จ่ายในการจัดทำและส่งเอกสาร และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านการตลาด